โครงการ 1 โรงเรียนบ้านหนองบัวรองสามัคคี

Infinite Volunteer Club โครงการ 1 โรงเรียนบ้านหนองบัวรองสามัคคี บุรีรัมย์ โครงการ 1 โรงเรียนบ้านหนองบัวรองสามัคคี บุรีรัมย์

โครงการ 2 โรงเรียนบ้านสำนักตูมกา สาขาบ้านปากดง

Infinite Volunteer Club โครงการ 2 โรงเรียนบ้านสำนักตูมกา สาขาบ้านปากดง ชัยภูมิ

โครงการ 3 โรงเรียนบ้านขามป้อมดอนยูง

Infinite Volunteer Club โครงการ 3 โรงเรียนบ้านขามป้อมดอนยูง ขอนแก่น

โครงการ 4 โรงเรียนบ้านพนมเพชร

Infinite Volunteer Club โครงการ 4 โรงเรียนบ้านพนมเพชร เพชรบูรณ์

โครงการ 5 โรงเรียนบ้านหนองช้างงาม

INFINITE VOLUNTEER CLUB โครงการ 5 โรงเรียนบ้านหนองช้างงาม จ.กำแพงเพชร

About

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ปฐมบท การเดินทางสู่ โรงเรียนบ้านน้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก

ปฐมบท การเดินทางสู่ โรงเรียนบ้านน้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก


เช้าตรู่วันที่ 4 ธันวาคม เราออกเดินทางพร้อมกัน จุดมุ่งหมายเดียวกัน โรงเรียนบ้านน้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
แววตาทุกคู่ของ 30 กว่าชีวิต ดูมีพลัง มีความหวัง และมีความตั้งใจ ในเหตุผลเดียวกัน คือ อยากให้สังคมไทยดีขึ้น
การที่จะทำอย่างไดอย่างหนึ่งให้ดีนั้น ต้องเริ่มต้นจากพื้นฐานเป็นสำคัญ การพัฒนาบุคคนก็เช่นกัน
ต้องเริ่มต้นจากเด็กๆ เมื่อเด็กมีความรู้ มีความโอกาส ก็จะเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคนที่ดีในสังคมไทยต่อไป
หากแต่ในบ้านเราเมืองเราในทุกวันนี้ ยังมีเด็กอีกมากที่ยังขาดโอกาสได้รับการศึกษา ยังขาดอุปกรณ์ และบุคลากรผู้ที่เสียสละนำทางนำแสงสว่างมาให้กับเด็กๆ
ยังมีอีกมากในชนบท แหล่งทุรกันดาร ซึ่งส่วนมากแล้วความเจริญก็เข้าไปถึงแล้วแทบทุกที่ มีไฟฟ้า มีน้ำประปา มีอินเตอร์เนตแล้วแทบทุกที่
แต่อย่าลืมว่าที่นี้ประเทศไทย การศึกษาที่ดี โรงเรียนที่ดีๆ ทั้งอุปกรณ์การเรียนการสอน ครูบาอาจารที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนมากจะมากระจุกกันอยู่ในเมืองใหญ่ๆ แทบทั้งสั้น
ส่วนโรงเรียนสถานศึกษาตามชนบท หากโชคดี ได้รับการดูแลจากฝ่ายบริหารที่ดี งบประมาณมาถึงทุกบาททุกสตางค์ ก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่เป็นอย่างนั้น
ดูจากอาคารเรียนของหลายๆ โรงเรียน ยังเป็นอาคารไม้เก่าๆ คือเก่าตั้งแต่สร้างโรงเรียนมาเลย อุปกรณ์การเรียน กีฬา คอมพิวเตอร์ ฯลฯ ขาดการดูแล ซ่อมแซม
นอกจาก อุปกรณ์ต่างๆ อาคาร สิงของต่างๆ แล้ว ที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น ครูอาจาร์ผู้เสียสละ เด็กๆนักเรียน ไม่กี่ครั้งในรอบปี หรือหลายๆ ปีในบางโรงเรียนที่จะมีผู้ที่จะมาเยี่ยมเยียนสักครั้ง

กลุ่ม Infinite volunteer club มีความตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง
จึงได้เกิดกิจกรรมที่ดีๆ เช่นนี้ขึ้นมาครับ

จบตอนแรก
แล้วพบกันใหม่ในตอนต่อไป

รวมทั้งภาพบรรยากาศ ในช่วงการเดินทางและกิจกรรมต่างๆ ครับ

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

อัพเดทความความเคลื่อนไหวในชมรม Infinite ประจำเดือน ตุลาคม 2558


สิ้นสุดการรอคอย กับการเดินทางมหากุศล INFINITE TRIP 2015

รายละเอียดต่างๆ สำหรับการเดินทางครับ

การเดินทางและ กำหนดการต่างๆ

การเดินทางจะแบ่งเป็นสองชุด
ชุดแรก จะออกไปก่อน 1 ชม. จะเป็นชุดความเร็วสูง
ประกอบไปด้วย
-รถพี่เอก
-รถบ๊อบบี้
-รถพี่เอ๋
-คันสุดท้ายหน้าจะเป็นรถจารหรั่งนะ

ส่วนชุดที่สองก็เป็นรถและคนที่เหลือทั้งหมด
เห็นผลที่แบ่งการเดินทางออกเป็นสองชุดก็คือ
-ความเร็ว เนื่อจากหากเราเกาะกลุ่มขับตามกันไปเหมือนปีก่อนๆ ที่ผ่านมา
ยิ่งรถยิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช้ามากขึ้นตามไปด้วย
-เตรียมความพร้อม ชุดแรกที่ออกไปก่อน จะไปถึงก่อนชุดสอง ประมาณสองชม.
ถึงแล้วเค้าจะเตรียมความพร้อมให้กับชุดใหญ่ที่มาทีหลัง
คือทำอาหารใว้รอ เตรียมที่อยู่ ที่หลับนอน ห้องน้ำ สภาพความเป็นอยู่

ได้ยินมาว่าชุดแรกจะออกจาก แหลม ในเช้าตรู่วันเดินทาง คงจะซักประมาณ 6 โมงเช้า
ส่วนชุดสองของเราก็ขอสัก 07.00 กันนะครับ...

กำหนดการต่างๆ
วันศุกร์ ที่ 4 ธันวาคม 2558
06.00 ชุดแรกล้อหมุนออกจากแหลมบัง
07.00 ชุดสองพร้อมกันที่ปั้มน้ำมันบางจาก นิคมแหลมบัง
พอครบแล้วก็ออกเรยให้ใว รอไม่เกิน 30 นาทีนะครับ ไม่งั้นทิ้งใว้แมมตั้งแต่ต้นทางนี้แหละ
ขอบอกใว้ก่อนว่าคืนก่อนวันเดินทางอยากกินเหล้ากันนะครับ นอนพักผ่อนให้เต็มที่ โดยเฉพาะคนขับรถ
เพราะว่าเราต้องขับรถทางไกลทั้งวัน
11.30 พักกินข้าวกลางวัน สั้กที่แหละที่เหมาะๆ
17.00 ถึง ปลายทาง โรงเรียนบ้านน้ำกุ่ม บ้านนาแฝก ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
-ย้ายก้นลงจากรถ ขนของ สัมภาระ จัดเตรียมที่หลับที่นอน อาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัว
19.00 พร้อมกันรับประทานอาหารเย็น ทั้งประชุม หารือเรื่องกิจกรรมต่างๆ ในวันรุ่งขึ้น
*จะนอนกันกี่ทุ่มก็ประมาณตัวกันนะครับ อย่าเมาเยอะ อย่างเก่งดีกว่า ใว้เก่งวันหลัง ไม่ก็ที่บ้านตัวเอง
รีบนอนซะ เดียวจะอายเค้าในอีกวันนะ

วันเสาร์ ที่ 5 ธันวาคม 2558
-กินข้าวเช้า ทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อน 8 โมง
-08.00 รวมพล แบ่งหน้าที่กัน
-ทาสี สนามวอร์เล่ย์
-ทาสี สนามตระกร้อ
-ติดตั้งตาข่ายประตูฟุตบอล
-ซ้อมแซม อุปกรณ์ไฟฟ้า ประปา คอมพิวเตอร์
เยอะจังว๊ะ!!!

-11.00 ล้างไม้ล้างมือ รอทานข้าวพร้อมเด็กๆ 11.30
(หน้าจะเป็น ข้าวผัดทะเล น๊ะ ถ้าจำไม่ผิด)
-13.00-15.00 กิจกรรมวันเด็ก
-15.00-17.00 ฟุตบอลประเพณี ซึ่ง ไม่เคยชนะเลย
17.00 อาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัว
18.00 รวมตัวพร้อมกันกิจกรรมวันพ่อ
ร่วมกันถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

-หลังจากนั้นร่วมกันรับประทานอาหารเย็นพร้อมกิจกรรมภาคค่ำ
-อาจจะมีการบายศรีสู่ขวัญ
-ม่อบของบริจาค อุปกรณ์การเรียน การกีฬา เครื่องครัว
-กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นของพวกเราเอง

วันอาทิตย์ ที่ 6 ธันวาคม 2558
-ตื่นแต่เช้าหรือแต่อัธยาศัย
-ทำธุระส่วนตัว 
-กินข้าวต้มร้อนๆ ท่ามกลางทะเลหมอก แม่คะนิ้งเต็มสนามหญ่า
-รำลา เด็กๆ ครู ออกเดินทางกลับก่อน 08.00

---------------------------------+
สิ่งของที่จะนำไปบริจาค

-หลักๆ หลังคา
-อุปกรณ์การเรียน
-อุปกรณ์กีฬา
-เครื่องครัว
-ซ่อมแซม ทาสี
----------
งบประมาณ

หลังคาอาการเรียน---------- 55,000

อุปกรณ์กีฬา
-โต๊ะปิงปอง 4500
-เปตอง 1000
-ฟุตบอล 1000
-วอลเลย์บอล 1000
ประมาณ -----------7500

อุปกรณ์การเรียน--------------- 10000
รายละเอียด ยังไม่ได้ไปซื้อ แต่ดูจากทุกๆ ปี จร๊ะ

เครื่องครัว ---------------7500
ช๊อปจบไปแล้ว

ค่าเดินทาง รถคันละ 1000
ประมาณ 12 คน กะๆ เอา -----------12000

ค่าขนมเด็ก------ 4000
ค่าอาหารกลางวันเด็ก ---------4000

สีสำหรับทาสนามวอร์เล่ย สนามตระก้อ--------------5000

รวมเป็น =====105000

รายรับ
รายได้จากการขายเสื้อ ถ้าเก็บตังได้หมด ประมาณนะ ประมาณ +++++70000
เงินบริจาค จาก สมาชิค++++++ 20000
เท่าที่ผมเห็นจากสมาชิคปีทีแล้วนะครับ 20 คน
รวมเป็น =====90000

นี้ยังไม่รวม เงินจากกล่องบริจาค ทุกๆ ปีก็ได้ประมาณ 4-5 พัน
แต่ตอนนี้ไปส่องดู ได้ประมาณ 500

--------------------------------
++++++กิจกรรมวันเด็ก+++++

เครียดๆ เรามาพักเรื่องเครียดๆ กันด้วยกิจกรรมวันเด็กกันดีกว่า
เพื่อที่จะให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าปีก่อนๆ ที่ผ่านมา
พวกเราจึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้น

กิจจกรรมนี้คือจะให้เด็กๆ มาแข่งขันเกมส์กันเพื่อความสนุก บันเทิง และสาระ
โดยจะให้ทางครูสาว  ซึ่งเป็นครูฝึกสอนจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
เป็นผู้จัดแบ่งเด็กให้คละๆ กันแต่ละชั้นเรียน โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ให้เท่าเทียมกัน
แล้วมีหัวหน้าทีม โดยหัวหน้าทีมของเด็กๆ 4 กลุ่มนี้จะเป็นพวกๆ เราเอง
แล้วให้ทั้ง 4 ทีมนี้มาแข่งเกมส์กัน ในเวทีใหญ่ เวทีเดียว  
หัวหน้ากลุ่มทั้ง 4 นั้นได้จัดสันให้ไปแล้ว คือ....

1.พี่เอ๋...
2.พี่จักร...
3.น้องอุ้ม...
4.พี่สมชาย...

โดยหัวหน้าของแต่ละกลุ่มมีสิทธ์เลือกผู้ช่วยได้หนึ่งคน
สมาชิคนอกเหนือจากนั้นจะสุ่มจาก ผู้ที่ไปร่วมกิจกรรมทุกๆ คนเลยนะครับ
จะจับสลากแบ่งกลุ่ม และประชุมในคืนวันศุกย์ เวลาที่เรากินข้าวนั้นแหละ

ผู้ที่ได้รับหน้าที่เป็น พิธีกร คู่ขวัญ คู่ในฝัน ซึ่งจะต้องรับหน้าที่ เป็นกรรมการในเกมส์ และพิธีกร ทั้งกิจกรรมภาคกลางวันทั้งวัน และตอนเย็น นั้นก็คือออ
เอ่น.. เอน... เอ้นนนนนนน.... พี่อาร์ทชัย กับครูหน่อย(มิงไปถามเค้ารึยัง) ครับโผมมมม
ต้องไปหาไมค์ลอยให้สองคนนี้ใช้ ใช้ได้ทั้งวัน เพื่อความคล่องตัว หน่อยแล้วแหละ
และต้องขอต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ ของพี่อาร์ทครับ

ส่วนเกมส์จะเป็นเกมส์อะไรนั้น จะแจ้งให้ทราบในเวลาต่อไปครับ
ใครมีเกมส์สนุกๆ ฮ่าๆ สร้างสรรค์ๆ รบกวนเมลหาผม ได้เลยนะครับ

คำว่าเกมส์การแข่งขัน มันก็ต้องมีผู้ชนะ มีผู้แพ้น๊อ
แน่นอนว่ามีรางวัลสำหรับทีมผู้ชนะแน่นอนครับ และมีบทลงโทษอยากสาสมใจให้กับทีมขี้แพ้แท้ๆ ครับ
เอาเฉพาะที่หนึ่ง กะที่โหล่น๊อ
ส่วนเด็กๆ เราก็จะให้รางวัลเป็นขนมแระอุปกรณ์การเรียน เป็นเกมส์ๆ ไปน๊อ

-------------------------------------

อุปกรณ์ที่ขอให้ทางโรงเรียนจัดหาให้

-เตาย่าง
-ถ้าเป็นไปได้ หุงข้าวใว้รอ 1 หม้อใหญ่

ระบบไฟฟ้า
-สนามวอลเลย์
-ห้องน้ำ
-หน้าโรงอาหาร
-หน้าหอประชุม
-หน้าอาคารเรียน จุดกางเต้น

-------------------

อาหารการกิน การเป็นอยู่

อาหาร 5 มื้อ
-เย็นศุกร์ 1 มื้อ
-เสาร์ 3 มื้อ
-เช้าอาทิตย์ 1 มื้อ

ให้เก็บตังค่าอาหาร คนละ 200 บาทนะครับ
ส่วนเครื่องดื่มสำหรับบุรุษอย่างเราๆ ค่อยเก็บกันอีกที ตามความเหมาะสมนะครับ

การเป็นอยู่ ถ้าหากใครมีเต้น ก็นำมานอนกลางแจ้งได้เลยครับ
รับรองว่าบรรยากาศดีแน่ๆ ไม่แพ้สถานที่ท่องเทียวหน้าหนาว แห่งไหนในเมียงไทยเลยทีเดียว
เพราะที่เราจะไปหางจาก สปป.ลาวแค่ 100กม. ไม่ไกลจาก ภูเรือ จ.เลย

​ทางอาจาร์ยที่สอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ ได้การันตีใว้แล้วว่าหนาวมาก 
ส่วนใครที่ชอบนอนอินดอร์ ก็สามารถ นอนในอาคารเรียนที่ทางโรงเรียนจัดหาใว้ให้เลยครับ
ขออย่างเดียวอย่าลองของไปนอนบ้านพักครูเป็นพอ

ขอขอบคุณที่รับฟังครับ

ผู้สงสารตัวน้อยๆ พร้อมที่จะถูกรังแกได้เสมอ.

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เสื้อ ชมรม ปี 2558


วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ผลสำรวจไอคิวเด็กป.1ต่ำกว่ามาตรฐาน เด็กชนบทยิ่งน้อย เหตุขาดความอบอุ่น-โภชนาการไม่สมวัย

ผลสำรวจไอคิวเด็กป.1ต่ำกว่ามาตรฐาน เด็กชนบทยิ่งน้อย เหตุขาดความอบอุ่น-โภชนาการไม่สมวัย


เมื่อวันที่ 27 พ.ค. นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวในการแถลงข่าวผลสำรวจระดับสติปัญญา (IQ) ของนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ปี 2557 จำนวน 4,929 คนทั่วประเทศ ว่า ผลการสำรวจพบว่าไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 93.1 จุด ลดลงจากการสำรวจครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2554 ซึ่งระดับไอคิวจะอยู่ที่ 94 จุด โดยเด็กในเมืองมีไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 100.72 จุด ส่วนชนบท ห่างไกลมีไอคิวเฉลี่ยอยู่ที่ 89.18 จุด ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 100 จุด จากการวิเคราะห์พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อระดับไอคิวของเด็กไทยคือ 1.เรื่องโภชนาการ กระทรวงได้เพิ่มสารไอโอดีนและโฟเลตให้กับหญิงตั้งครรภ์ และแม่ที่ให้นมบุตรอยู่แล้ว 2.การเลี้ยงดูของครอบครัว โดยเฉพาะเด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ จะมีพัฒนาการช้ากว่า 3.การเรียนรู้ระหว่างเข้าสู่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตรงนี้อยู่ในการดูแลขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมสุขภาพจิต จะเข้าไปเสริมในเรื่องของอาหาร และเสริมสร้างการเรียนรู้ด้วย

 นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์เด็กและเยาวชนอย่างต่อเนื่องของกรมสุขภาพจิตตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา พบว่า พบสถานการณ์ที่ส่งผลต่อระดับไอคิวของเด็ก ที่สำคัญมี 3 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 เด็กมีโอกาสอยู่กับครอบครัวลดลง โดยอยู่กับพ่อและแม่ครบถ้วนเพียงร้อยละ 62 มีเด็กถูกเลี้ยงโดยพ่อหรือแม่ร้อยละ 14 คือพ่อแม่ทำงานอยู่คนละจังหวัดร้อยละ 49 พ่อแม่แยกทางกันร้อยละ 32 พ่อหรือแม่เสียชีวิตร้อยละ 8 แบบที่ 2 เด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้อยู่กับผู้สูงอายุ หรืออยู่ในครอบครัวที่แหว่งกลาง (Skip generation) คือ มีเฉพาะผู้สูงอายุกับเด็ก ซึ่งขณะนี้พบในชนบทมากกว่า 1.4 ล้านครัวเรือน หรือประมาณร้อยละ 6 ของครัวเรือน และ รูปแบบที่ 3 คุณภาพของการศึกษาของเด็กก่อนวัยเรียน จากการสำรวจพบเด็กอายุ 3-4 ปี ร้อยละ 73 กำลังเรียนอยู่ในโปรแกรมก่อนวัยเรียน ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียน ภาคเหนือมีอัตราเข้าเรียนสูงสุดร้อยละ 82 ซึ่งคุณภาพการส่งเสริมการเรียนรู้จากศูนย์เด็กเล็ก จะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ

 “ผลจากการศึกษาในต่างประเทศ พบว่าเด็กที่ถูกเลี้ยงโดยปู่ ย่า ตา ยาย จะเสียเปรียบด้านการศึกษามากกว่าเด็กที่เลี้ยงโดยพ่อแม่ เนื่องจากไม่ได้รับการกระตุ้นพัฒนาการที่สอดคล้องกับช่วงวัย มาตรการเพิ่มพัฒนาการของเด็กไทยได้ร่วมมือกับอาสาสมัครสาธารณสุข ในการดูแลเด็กพิเศษโดยเฉพาะกลุ่มที่มีน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อย เด็กขาดออกซิเจนระหว่างคลอด และเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านสังคม พร้อมทั้งเข้าไปร่วมในคัดกรองเด็ก และการพัฒนาขีดความสามารถของศูนย์ฯ ให้เป็นแหล่งกระตุ้นพัฒนาการ และความสามารถของเด็กได้อย่างเหมาะสม” นพ.เจษฎา กล่าว

 ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากข้อมูลจะพบว่าไอคิวของเด็กเมือง กับเด็กในชนบทต่างกันอยู่มากถึง 11 จุด ดังนั้น นี่คือสิ่งที่ต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะโภชนาการที่แตกต่างกันมา และสภาพของครอบครัว โดยจะเห็นว่าเด็กชนบทมีแนวโน้มอยู่ในครอบครัวแหว่งกลาง พ่อแม่ แยกทางกัน หรือพ่อแม่ต้องไปทำงานที่อื่น ต้องอยู่กับปู่ ย่า ตา ยายมากขึ้น วันนี้เด็กเข้าสู่ระบบศูนย์ฯ กันมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ดังนั้น ต้องทำให้ศูนย์ฯ มีคุณภาพ

 อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาครั้งนี้ยังพบอีกว่าระดับความสามารถทางอารมณ์ (อีคิว:EQ) ของเด็กชนบทจำนวน 3,696 คน พบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติสะท้อนให้เห็นว่าเด็กๆ ยังมีพื้นฐานทางด้านจิตใจที่ดีแต่ก็ต้องดูแลต่อเนื่อง เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปก็จะมีผลต่อสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปด้วยตรงนี้ ต้องอาศัยทุกภาคส่วนทำให้เด็กไทยมีไอคิวควบคู่กับอีคิวในระดับที่ดี

 “เด็กชนบทจะมีปัญหาเรื่องความรักความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งมีผลกับการสร้างพัฒนาการของเด็ก ขณะที่เด็กเมืองเราก็พบว่าติดเกม ติดเทคโนโลยี ทำให้มีปัญหาเรื่องการเข้าสังคม รอคอยไม่เป็น ให้ความรักกับคนอื่นไม่เป็น” พญ.อัมพร กล่าว

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน

เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน

© UNICEF Thailand/2009/Athit
เด็กควรจะได้รับบริการพัฒนาเด็กปฐมวัยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งตั้งแต่อายุสามขวบ เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถเริ่มพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ในอนาคต และเมื่อเด็กอายุครบหกขวบพวกเขาจะต้องเข้าเรียนในชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง เพราะการขาดทักษะที่จำเป็นสำหรับการเรียนรู้ หรือการเข้าเรียนล่าช้ากว่าเกณฑ์อายุ จะทำให้ความก้าวหน้าทางการเรียนชะงักงัน และมีโอกาสสูงที่จะทำให้เด็กเลิกเรียนกลางคัน และตกเข้าสู่วงจรของความยากจน
ผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2555 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ด้วยการสนับสนุนของยูนิเซฟ พบว่า มีเด็กในวัยเรียนประถมศึกษา (อายุ 6 ขวบ) เพียงร้อยละ 75 ที่เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และพบว่าสัดส่วนที่ต่ำสุดคือเด็กทีอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ร้อยละ 70) เด็กที่แม่ไม่มีการศึกษา (ร้อยละ 59) เด็กในครอบครัวที่ยากจนมาก (ร้อยละ 65)
ยูนิเซฟทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการปรับปรุงระบบการติดตามเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน ระบบดังกล่าวกำลังมีการนำร่องอยู่ใน 25 จังหวัดและมีการฝึกอบรมบุคคลกรทางการศึกษาให้สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันยูนิเซฟยังได้ร่วมงานกับภาคธุรกิจในการสร้างความตระหนักในสังคมเกี่ยวกับสถานการณ์ของเด็กที่ไม่ได้เข้าเรียน และให้ประเด็นนี้กลายมาเป็นวาระที่สำคัญของชาติ

http://www.unicef.org/thailand/tha/education_6560.html

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

ไทยครองอันดับห้าเอเชีย เด็กปฐมวัยไม่ได้เรียน

ไทยครองอันดับห้าเอเชีย เด็กปฐมวัยไม่ได้เรียน


ยูเนสโกจัดไทยติดกลุ่มห้าประเทศแรกเอเชีย ต่อท้ายอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์ พบเด็กปฐมวัยไม่ได้เรียนหนังสือกว่า 5.8 แสนคน บั่นทอนจีดีพีถึง 3% คิดเป็นมูลค่าปีละ 3.3 แสนล้านบาท

อิชิโระ มิยาซาวะ ผู้เชี่ยวชาญประจำโครงการการศึกษาตลอดชีวิตขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า ในประเทศไทย มีเด็กปฐมวัย 586,000 คนไม่ได้เข้าโรงเรียน ไทยอยู่อันดับที่ห้าของเอเชียต่อจากอินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ และฟิลิปปินส์ ในแง่จำนวนเด็กไม่รู้หนังสือ

มิยาซาวะอ้างผลวิเคราะห์ของนิโคลัส เบอร์เน็ต อดีตรองผู้อำนวยการยูเนสโก ระบุว่า การขาดโอกาสการศึกษาของเด็กทำให้ประเทศไทยสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจปีละ 330,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 ของจีดีพี

ในภาพรวมทั่วโลก เด็กที่ไม่ได้เข้าเรียนในชั้นประถมศึกษา มีจำนวน 67 ล้านคน.

news.voicetv.co.th

วันอาทิตย์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2558

ทริป โรงเรียนบ้านท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา

ทริป โรงเรียนบ้านท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา 

เนื่องด้วยทางกลุ่ม Be Good ทำดีทำได้ จะไปทำการออกทริปปรับปรุงระบบน้ำและระบบไฟฟ้าที่โรงเรียนบ้านท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และได้บอกบุญมาทางชมรม Infinite โดยผ่านมายังทีมตึก1 โดยทางกลุ่ม Be Good ทำดีทำได้ จะทำการเดินทางไปวันที่ 5 เมษายน 2558


เริ่มงานกัน 09.00 ครับ เอาซะให้เสร็จแต่เช้า จะได้ไม่ร้อน
















 .
ทำความสะอาดกำแพงก่อนครับ ทาสีจะได้ติดดีๆ ทน




 มีรูปกับเค้าแล้วครับ จริงๆ ทำไปได้แป๊บเดียว ลมจับครับ เลยมาพักแป๊บนุง



จัดต่อเลยครับ เดียวไม่เสร็จ







ไปแล้วครับ นอนเลย ไม่ไหวจริงๆ เป็นลม 2 รอบแระ สั่นไปหมด ลมออกหูเลย


พักกินข้าวกลางวันครับ อาหารที่ทาง กลุ่ม Be Good ทำดีทำได้ ใช้ได้เลยครับ



เติมพลังเสร็จ ก็ทำงานกันในภาคบ่ายครับ


ไม่ทันไรเลย พักอีกแระ


ได้มาฝั่งหนึ่งแล้วครับ ยังเหลืออีกฝั่งข้างใน


ช่างพี่จิ เก็บงานดีมากครับ



ช่างพี่ไก่ ต้องให้เค้าครับ งานฝีมือ






องค์พระ นี้ กลุ่ม Be Good ทำดีทำได้ เป็นคนดูแลครับ



คนรุมกันเยอะเลย


เดินมาแระนักเลง



ที่ทำหน้าตาอย่างงี้ไม่ใช่โมโหใครนะครับ เหนื่อยจริงๆ 15.00 เลิกแล้วครับ ร้อนจริงๆ


ผมนี้ถึงกลับ ถอนเสื้อนอนกันเลยทีเดียว


เสร็จงานแล้วก็กินข้าวกินปลาครับ


 รูปนี้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะครับ (พี่เค้าบอกว่าผุ้ใหญ่เค้าให้เราต้องกินเป็นมารยาท แก้ว2แก้ว ขับรถไหว)








จะกลับแล้ว ต้องขอถ่ายรูป เป็นที่ระทึกหน่อยครับ



นี้คือทีมงานของเราที่ได้รับมอบหมายไปช่วยทาสีกันนะครับ
ที่ไม่เห็นรูปของ กลุ่ม Be Good ทำดีทำได้ คือเค้าจะแยกไปทำอย่างอื่นครับ
คือทำไฟในอาคาร ทาสีองค์พระ และทำห้องน้ำครับ ส่วนสาวๆ ส่วนมากจะทำครัวครับ